จริงหรือหลอก ล้างแอร์บ้าน แล้วช่างบอกต้องเติมน้ำยาด้วยทุกครั้ง ยังกะ ชิลเลอร์ อยากรู้คำตอบอ่านเลย
เนื่องจากมีปัญหาสอบถามกันมาเยอะ เรื่องล้างแอร์บ้าน หรืองานล้างทำความสะอาด ระบบปรับอากาศประจำปี ที่ช่างส่วนใหญ่ที่มาล้างแอร์ให้ท่านนั้นบอกว่า น้ำยาแอร์ขาด ต้องเติมน้ำยาเพิ่ม ทำให้ท่านมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย เพราะ เป็นระบบเล็ก ไม่ใช่ระบบ ชิลเลอร์
จะจริงหรือหลอก วันนี้ Admin จะมาไขข้อสงสัยให้ท่านที่ยังไม่ทราบได้รู้กันครับ ว่าการที่เราล้างแอร์ที่บ้านทุกครั้งต้องเติมน้ำยาแอร์ด้วยหรือไม่ มาดูคำตอบและวิธีดูปริมาณน้ำยาแอร์แบบคร่าวๆกันครับ ว่ามีวิธีการตรวจเช็ควิธีการตรวจสอบเองเบื้องต้น ด้วยตัวท่านเองได้วิธีไหนบ้าง และท่านยังสามารถนำไปใช้ทั้งแอร์บ้านและเครื่อง ชิลเลอร์
ปกติแล้วนั้นในระบบทำความเย็น ไม่ว่าระบบเล็ก หรือ ระบบใหญ่ ตั้งแต่ แอร์บ้าน ตู้เย็น ตู้ทำน้ำเย็น เครื่องทำความเย็น ชิลเลอร์ ระบบ chiller นั้นต่างใช้สารทำความเย็นหรือ น้ำยาแอร์ ด้วยกันทั้งหมด แต่เราจะรู้ได้ยังงัยว่าน้ำยาแอร์ หรือสารทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่เราใช้งานอยุ่นั้น อยู่ในสภาวะหรือสถานะน้ำยาเต็ม ไม่พร่อง ไม่ขาด หรือพอดีกับระบบหรือไม่ เรามีวิธีให้ท่านตรวจสอบเบื้องต้นด้วยตัวท่านเองคร่าวๆดังนี้
ตู้เย็น ใช้มา 10 ปี ใช้สารทำความเย็นเหมือนกัน แต่ไม่เคยเติมน้ำยาหรือสารทำความเย็นเลย เพราะตู้เย็นส่วนมากจะถูกเชื่อมปิดระบบตั้งแต่ออกจากโรงงานไม่มี เซอร์วิสวาล์ว จึงทำให้โอกาสที่น้ำยาหรือสารทำความเย็นซึมหรือสูญหายตามชุดเซอร์วิสวาล์วมีน้อย นอกจากอาการรั่วซึมของระบบ โดยวิธีตรวจเช็คง่ายๆคือ ถ้าคอมเพลสเซอร์ตู้เย็นทำงานแล้วช่องแช่แข็งของท่านไม่เย็น ให้สันนิษฐานน้ำยารั่วหรือสารทำความเย็นรั่ว หรือชุดระบายความร้อนด้านข้างหรือด้านหลัง อันนี้แล้วแต่รุ่น ไม่มีความร้อนแบบอุ่นๆ น้ำยาในระบบของตู้เย็นของท่านอาจจะรั่วซึม ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็คอีกที แต่อาการรั่วซึมหรือน้ำยาขาดของตู้เย็นนั้นจะไม่ค่อยได้พบมาก เนื่องจากที่กล่าวมาในเบื้องต้นว่าเป็นระบบปิดไม่มีเซอร์วิสวาล์วอีกทั้งการสั่นสะเทือนน้อยจึงไม่ค่อยพบอาการน้ำยารั่ว ส่วนมากจะพบอาการเสียส่วนอื่นซะมากกว่า
แอร์บ้าน หรือ เครื่องปรับอากาศ ทั่วไป โดยปกติเครื่องปรับอากาศที่เราใช้อยู่ทั่วไป หรือใช้อยู่เป็นประจำนั้น จำเป็นต้องมีงานล้างทำความสะอาดเป็นประจำอย่างน้อยปีล่ะ 1 ครั้ง และล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ ( Filter )อย่างน้อย 2เดือน 1 ครั้งหรือเดือนล่ะครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณฝุ่น เพื่อให้แอร์หรือเครื่องปรับอากาศสามารถทำความเย็นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และช่วย ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า เป็น วิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าง่ายๆอีกวิธี โดยสังเกตุค่าการใช้พลังงานไฟฟ้าก่อนล้างทำความสะอาดแอร์และหลังล้างทำความสะอาด จะลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงอย่างชัดเจน ลองดูจากบิลค่าไฟฟ้า นี่คือข้อดี ของการล้างทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เมื่อให้ช่างมาล้างทำความสะอาดแอร์แล้วนั้น จะมีการตรวจเช็คตรวจสอบการทำงานของแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ โดยจะมีการเช็คค่ากระแส ค่าแรงดันน้ำยา และการทำงานของเครื่องว่าปกติหรือไม่ แต่จะมีบางเหตุการณ์ที่ทำให้ท่านต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มหลังล้างแอร์คือช่างบอกว่า น้ำยาขาด ต้องเติมน้ำยาเพิ่ม แอร์หรือเครื่องปรับอากาศก่อนล้าง ทำความเย็นได้ปกติ แต่ลมส่งในตัวชุดคอยล์เย็น ภายในห้องปรับอากาศของท่านมีปริมาณลมน้อยลง แรงส่งลมเบาไม่แรงเหมือนเดิม เมื่อให้ช่างมาล้างทำความสะอาดให้กลับมาเป็นสภาพเดิมแล้วนั้น หากช่างบอกน้ำยาขาดก็น่าสงสัยแล้ว เพราะก่อนล้างยังเย็นปกติ ล้างเสร็จน้ำยาขาดเลยหรือ เอาแล้วงัยท่านต้องเสียค่าเติมน้ำยาหลังล้างแอร์อีก แล้วเราจะรู้ได้ยังงัยว่าน้ำยาหรือสารทำความเย็นที่อยู่ในแอร์เรามันขาดหรือไม่ เต็มระบบหรือไม่ จำเป็นต้องเติมหรือไม่ อย่างไร เรามีวิธีดูปริมาณสารทำความเย็นในระบบแบบคร่าวๆโดยไม่ต้องใช้เกจ์วัดน้ำยามาดูกันว่าเช็คกันยังงัย จะมีการตรวจเช็คระบบน้ำยาแบบคร่าวๆ ดังนี้
1.เช็คที่อุณหภูมิลมเย็นเข้า-ออก ของชุดคอยล์เย็น สมมุติอุณหภูมิในห้องของท่านอยู่ที่ 28 องซาเซลเซียส อุณหภูมิที่ช่องลมส่งของแอร์วัดจากหน้าคอยล์ที่ลมส่งออกมาต้องต่ำกว่า 23 องซาเซลเซียส
2.เช็คที่อุณหภูมิลมเข้า-ออก ของชุดคอยล์ร้อน ลมเข้าหรืออุณหภูมิทั่วไปต้องต่ำกว่าอุณหภูมิที่พัดลมระบายความร้อนออกหน้าพัดลมคอยล์ร้อน
3.เช็คที่ความเย็นของท่อน้ำยาทางดูด Low presser หรือท่อ Suction แอร์ทั่วไปจะมีท่อส่งและท่อทางดูดท่อทางดูดคือท่อที่มีขนาดใหญ่กว่าท่อทางส่งโดย วัดอุณหภูมิของท่อทางดูด ถ้าน้ำยาเต็มระบบ โดยวัดในขณะที่ภายในห้องปรับอากาศเย็นแล้ว จะอยู่ที่ประมาณ 2-7.2 องซาเซลเซียส ( ค่าอุณภูมิตามแรงดันของน้ำยา R-22 ) ส่วนน้ำยาเบอร์อื่นใช้เรทอุณหภูมินี้ไม่ได้
4.เช็คที่ค่ากระแสไฟฟ้าของเครื่อง เช่น แอร์มีพิกัดการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 10 A. การใช้กระแสของแอร์ต้องไม่ต่ำกว่า 90% ของพิกัดกระแส หรือประมาณ 9 A.( สำหรับแอร์ระบบธรรมดาไม่ใช่ Inverter )
โดยปกติแล้วน้ำยาหรือสารทำความเย็นของแอร์หรือเครื่องปรับอากาศนั้น น้อยครั้งที่จะเกิดปัญหาและอาการของ น้ำยาขาด หรือสารทำความเย็นไม่พอ เช่นต้เย็นถ้าไม่รั่วน้ำยาไม่ขาด แอร์ก็เหมือนกัน ถ้าไม่ซึมน้ำยาก็ไม่สามารถหายไปไหนได้เหมือนกัน แต่ในระบบแอร์จะเกิดบ่อยกว่าตู้เย็นเพราะการสั่นสะเทือนที่มากกว่า รอยเชื่อมของท่อแอร์ในระบบบมากกว่าตู้เย็น ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อความปลอดภัยควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจเช็คในกรณีเครื่องไม่มีความเย็นและในการตรวจสอบแอร์ระบบทำความเย็นของคุณ ส่วนตัวท่านเองก็สามารถตรวจเช็คเบื้องต้นตามวิธีที่กล่าวมาได้
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สนใจรายละเอียดสินค้า และสอบถามข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ 094-182-8636
หรือส่งอีเมลมาที่ chillerinnovations@gmail.com
ข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่นี้>>>www.chillerinnovations.com